Protocol

Protocol เป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่ระบุข้อกำหนดต่าง ๆ สำหรับการทำงานหนึ่ง ๆ เช่น ระบุ method ที่ต้องใช้ หรือ properties ที่จำเป็น

ผู้ที่ implement การทำงานของพิมพ์เขียวเป็นได้ทั้ง Class, Struct หรือ Enum เราจะเรียก type ที่ทำงานได้ตามพิมพ์เขียวนี้ว่า type นี้ conform protocol

การประกาศใช้ เริ่มด้วย protocol จากนั้นคือชื่อของ protocol ตามด้วยข้อกำหนดของ protocol

protocol SomeProtocol {
    // protocol definition goes here
}

เช่น

protocol ItemDiscribable {
    var description: String { get }
}
protocol Togglable {
    mutating func toggle()
}

การประกาศว่า conform protocol ใช้ : หลังชื่อของ Struct, Enum หรือ Class แล้วตามด้วย ชื่อของ protocol ที่เราต้องการ conform ซึ่งเราอาจ conform ได้มากกว่าหนึ่งอัน

struct SomeStructure: FirstProtocol, AnotherProtocol {
    // structure definition goes here
}
enum SomeEnum: FirstProtocol {
    // enum definition goes here
}

สำหรับ class ที่ต้องการ interit จาก class อื่น เนื่องจากการ inherit สามารถทำได้จาก parent เดียว จึงให้ใส่ชื่อ class นั้นก่อน แล้วจึงตามด้วย protocol

class SomeClass: SomeSuperclass, FirstProtocol, AnotherProtocol {
    // class definition goes here
}

Swift เน้นแนวความคิดแบบ protocol oriented programming โดยการเอา protocol หลาย ๆ อัน มา composition กัน มากว่าแนวลึกแบบ object oriented programming

ดูเพิ่มเติมได้ที่ Protocol-Oriented Programming

ตัวอย่างการ conform protocol จาก TapSwitch ที่เราเขียนกันไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเรา implement ของที่ protocol เราต้องการอยู่แล้ว เราจึงแค่ใส่ชื่อ protocol เพิ่มในการประกาศ Enum

enum TapSwitch: ItemDiscribable, Togglable {
    case on
    case off

    var description: String {
        switch self {
        case .on: return "current is on"
        case .off: return "current is off"
        }
    }

    mutating func toggle() {
        switch self {
        case .on:
            self = .off
        case .off:
            self = .on
        }
    }
}

let state = TapSwitch.on
print(state)

ทำให้เราสามารถสร้าง Array เป็น type ของ protocol และเก็บของที่ต่างกันไว้รวมกันได้

class Item: ItemDiscribable {
    var name: String
    var isDone: Bool

    var description: String {
        return name
    }

    init(name: String, isDone: Bool) {
        self.name = name
        self.isDone = isDone
    }
}

let items: [ItemDiscribable] = [Item(name: "Test", isDone: false), TapSwitch.off]
for item in items {
    print(item)
}

เราสามารถเช็ค Type ของตัวแปรได้ว่าเป็น Type นั้นหรือเปล่าด้วย is

if item is Item {
    print("item is Item")
}

เราสามารถ cast type ได้ด้วย as? และ as! และเช่นเดิม การ cast ด้วย as? จะได้ optional เราจึงใช้ optional binding ร่วมด้วย ส่วน as! เป็นการ force-unwrap ซึ่งจะไม่ได้ optional และถ้าค่านั้นเป็น nil โปรแกรมจะ crash

if let item = item as? Item {
    print(item.isDone)
}

บางครั้งเราสามารถสร้าง Type ใหม่โดยการเอามารวมกันแบบนี้

typealias Codable = Decodable & Encodable

Last updated